จุดจบของคนพาล
พวกเขาโดนฟ้องคดีแล้วมากมายหลายคดี
แต่ก็ยังทำผิดกฎหมายฯลฯอีกไม่หยุดหย่อน รวมถึงยังคงตามใส่ความ ก่อกวน ขัดขวาง
ทำลายพระอาจารย์ และทำร้ายสุวรรณโคมคำ
รวมถึงยังคงโกหกหลอกลวงศิษย์สุวรรณโคมคำอย่างไร้สำนึกอยู่ไม่หยุดหย่อน
ทั้งๆที่พวกเขาก่อเรื่องผิดกฎหมายร้ายแรงไว้มากมายหลายกระทงแล้ว เช่น
1.พวกมูลนิธิฯแอบถอนเงินทุนจดทะเบียนออกไปใช้
เงินทุนจดทะเบียนนั้นทุกมูลนิธิต้องมีมาตั้งแต่ยื่นจดทะเบียนก่อตั้งมูลนิธิเลย
ตามหลักกฎหมายแล้วไม่ว่ามูลนิธิใดๆก็ไม่มีสิทธิ์ถอนเงินจำนวนนี้ออกไปใช้โดยเด็ดขาด
หากมูลนิธิใดขืนถอนออกไปใช้ก็จะมีผลต่อความมั่นคงและความอยู่รอดของมูลนิธินั้นๆ
และผู้ที่ถอนเงินนั้นออกไปจะมีความผิดอย่างร้ายแรงตามกฎหมายอาญา
ซึ่งกรรมการมูลนิธิฯชุดปัจจุบันได้แอบถอนเงินดังกล่าวออกไปใช้แล้ว
จึงมีความผิดทางอาญากันถ้วนหน้าโดยไม่ต้องสงสัย
2.พวกเขาแจ้งข้อมูลเท็จต่อราชการ
ตอนที่พวกกรรมการมูลนิธิฯแอบไปประชุมปลดพระอาจารย์ออกจากตำแหน่งประธานนั้น
พวกเขาใส่ความพระอาจารย์ไว้อย่างร้ายแรงซึ่งมีเขียนบันทึกไว้ในรายงานการประชุม
เช่น... มีการประชุมลงมติสงฆ์ของวัดยานฯว่าพระอาจารย์ต้องอาบัติปาราชิก ให้สึกเสีย
และมีการสลักหลังหนังสือสุทธิว่าต้องอาบัติปาราชิกเป็นหลักฐาน เมื่อวันที่... แล้วนำไปยื่นที่สำนักงานเขตฯส่งต่อเป็นลำดับถึงกระทรวงมหาดไทยเพื่อปลดพระอาจารย์ออกจากตำแหน่ง
แต่แท้ที่จริงแล้ว
ไม่ได้มีการประชุมสงฆ์หรือลงมติสงฆ์ใดๆเกิดขึ้นในเรื่องดังกล่าวเลย
และไม่มีสลักหลังหนังสือสุทธิที่ว่านั้นด้วย(มีจดหมายยืนยันจากวัดยานฯส่งมาที่ศาลอย่างเป็นทางการว่าไม่มีเอกสารหรือเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นแต่ประการใด)
การแอบปลดพระอาจารย์ด้วยข้อมูลเท็จนี้
เป็นความผิดอย่างร้ายแรงตามกฎหมายอาญา
กรรมการมูลนิธิฯกลุ่มดังกล่าวจึงมีความผิดทางอาญากันถ้วนหน้าโดยไม่ต้องสงสัยอีกกระทงหนึ่งเช่นกัน
3.พวกเขาให้เอาแท็งก์น้ำสูงที่สร้างเสร็จแล้วในสุวรรณาภาออกไป(โดยไม่ยอมจ่ายเงิน)
แล้วแอบเอาเงินทำบุญ(ผ้าป่า)แท็งก์น้ำฯลฯนั้นไปใช้อย่างอื่น รวมทั้งแอบเอาเงินทำบุญในบัญชีมูลนิธิ
ฯลฯ ไปใช้จนหมด มากมายหลายแสนบาท
โดยไม่สนใจทำโครงการสุวรรณาภาและไม่มีการพัฒนาใดๆในสุวรรณาภาเลย ได้แต่เผาๆๆจนวอดวายไปทั่ว(จนบัดนี้ก็ยังคงเผาอยู่เรื่อยๆ) แล้วอ้างว่า
เงินจำนวนมากรวมถึงเงินทำบุญจากมาเก๊าเป็นต้นนั้น เอาไปสร้างถนน(ปลอม)จนหมด ทั้งๆที่ทางใหม่ดังกล่าวไม่ใช่ถนนจริงตามคำกล่าวอ้างอย่างสวยหรูแต่อย่างใด
เป็นเพียงทางดินที่เอารถไถมาดันหญ้าบนหน้าดินออกให้แลดูเหมือนถนนเท่านั้น
ซึ่งใช้งบไม่เกิน 1-2
หมื่นบาทก็ทำได้แล้ว (แล้วเงินหลายแสนบาทที่จริงหายไปไหน?
ต้องลองไปถามกรรมการมูลนิธิฯดูคงจะรู้ )
สิ่งเหล่านี้พวกกรรมการมูลนิธิฯก็ต้องไปอธิบายในศาลเช่นกันนะคราฟฟ ถ้าอธิบายไม่เคลียร์ก็คุกอีกเช่นกันนะครับท่าน
4.พวกเขาโดนฟ้องอย่างหนักหลายคดี
ต้องติดคุกแน่นอนแล้ว !!!
ที่ผ่านๆมาพวกแก๊งที่ใส่ความพระอาจารย์โดนฟ้องกันไปหลายพวกหลายคดีไม่น้อยแล้ว
แต่จากนี้ไปจะเน้นไปที่การฟ้องพวกกรรมการมูลนิธิฯเป็นหลัก
เดิมทีพระอาจารย์ไม่อยากฟ้องร้องพวกกรรมการ(เพราะพวกเขาทำผิดไว้ร้ายแรงมากนับไม่ถ้วน
หากโดนฟ้อง พวกเขาจะต้องติดคุกแน่แท้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้)
ท่านจึงได้ให้โอกาสพวกเขาขอโทษและสำนึกผิดหลายต่อหลายครั้ง
แต่พวกเขาหาได้สำนึกผิดและแก้ไขดังรับปากเลย
บัดนี้พระอาจารย์จึงได้ทยอยยื่นฟ้องพวกเขาแล้วตามกรรมที่พวกเขาก่อไว้ เพราะพวกเขาไม่ได้สำนึกเลย
จึงต้องดำเนินการฟ้องร้องเพื่อนำความยุติธรรมและนำแสงสว่างกลับคืนมาสู่สุวรรณโคมคำเสียที
ส่วนใครจะต้องติดคุกบ้างก็สุดแล้วแต่บาปกรรมที่พวกเขาก่อไว้
เราก็ได้แต่ปลงอนิจจังและวางอุเบกขา
ที่เหลือก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายเถิด
แต่พวกเราต้องอดใจรอกันหน่อยนะ
กระบวนการทางศาลนั้นรอบคอบเที่ยงตรงและยุติธรรมก็จริงอยู่ แต่ต้องใช้เวลา
ตอนนี้กำลังทยอยยื่นฟ้องเพิ่มเติมอยู่ พวกเขาก่อความผิดไว้มากมาย
ทนายเขียนสำนวนฟ้องแทบไม่ทัน หลักฐานก็มีมากมายเหลือเกิน ชัดเจนทั้งน้านนนน
หมายเหตุ: 8 คดีที่ยื่นฟ้องไปแล้วนั้น ยังเลื่อนตลอด
เพราะไม่มีจำเลยคนไหนกล้ามาสู้หน้าพระอาจารย์ในศาลเลยสักคน
ถนนปลอม(ถนนโกหก)
เดิมทีในธรรมสถานสุวรรณาภามีถนนเส้นหนึ่งตัดผ่านอยู่แล้ว
ซึ่งถนนเส้นนี้มีมาช้านานแล้วตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายก่อนตั้งสุวรรณาภาอีก ระบุไว้ในแผนที่ของทางราชการว่าเป็นถนนสาธารณะ
สมัยพระอาจารย์ท่านมาตั้งธรรมสถานได้ประสานกับผู้นำท้องถิ่นให้ของบราชการมาปรับปรุงพัฒนาจนเป็นถนนลูกรังอย่างดีกว้างถึงประมาณ
8 เมตร สะดวกแก่การสัญจรกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก
ซึ่งชาวบ้านต่างอนุโมทนายินดีกันถ้วนหน้า
มาถึงกรรมการมูลนิธิชุดหลัง
นอกจากไม่ทำการพัฒนาใดๆในสุวรรณาภา(แม้แต่ตามโครงการที่ขออนุมัติไว้กับราชการ)แล้ว
ยังปิดถนนที่ชาวบ้านใช้สัญจรมาแต่ไหนแต่ไรอันมีระบุในแผนที่ของทางราชการว่าเป็นถนนสาธารณะ
ไม่รู้ว่าพวกเขาเอาอํานาจบาตรใหญ่หรืออำนาจอิทธิพลอะไรมาปิดถนนสาธารณะตามใจตนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่วเช่นนี้
(นี่ก็ผิดกฎหมายอีกกระทงหนึ่ง)
โดยพวกเขาอ้างว่าปิดถนนเส้นนี้เพื่อทำให้สุวรรณาภาเกิดความสงบปราศจากสิ่งรบกวนใดๆทำให้ปัจจุบันสงบร่มรื่นเหมาะแก่การปฏิบัติและเผยแผ่ธรรมอย่างยิ่งรุ่งเรืองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แท้จริงแล้วพวกเขาปิดถนนนี้เพื่อไม่ให้ใครผ่านเข้ามาเห็นความอัปยศและความเลวร้ายของพวกเขาต่างหาก
เพราะแค่พวกเขาได้สุวรรณาภาไปไม่ถึงปี สุวรรณาภาก็ทรุดโทรมสุดๆ
มีการเผาทำลายพื้นที่ไปทั่วอย่างต่อเนื่อง ไม่มีการดูแลรักษาใดๆ
และปัจจุบันเป็นพื้นที่ร้างมาหลายเดือนแล้ว(หลังจากปิดถนน)ไม่มีพระสงฆ์อยู่สักรูปหรือฆราวาสอยู่สักคน(สมัยพระอาจารย์ทำสุวรรณาภามา6ปี
ไม่เคยมีร้างพระหรือฆราวาสแม้แต่ครั้งเดียว)
พวกเขาคิดว่าไม่มีใครขึ้นไปดูพื้นที่แล้วจะโกหกอย่างไรก็ได้หรือไร
พวกเขาโกหกคำโตอย่างไม่ละอายบูรพาจารย์หรือศิษย์สุวรรณโคมคำหรือใครๆเลยหรือ ยังมีมโนธรรมและจิตสำนึกหลงเหลืออยู่ในหัวใจพวกเขาบ้างไหม
อีกอย่างพวกเขาอ้างซะสวยหรู
ว่าทำถนนให้ใหม่แล้วอย่างดี ดีกว่าเดิมอีก
พวกเขายกถนนนี้ขึ้นมาชูโอ้อวดเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ดูได้ที่http://www.komcome.com/Temple/detail.php?pw_webboard_id=11
อ้างว่าที่ทำนี้ต้องใช้เงินไปมากมายมหาศาลทั้งเงินจากในบัญชีมูลนิธิ
เงินทำบุญต่างๆ รวมถึงเงินจากมาเก๊า
ที่จริงแล้วนี่ก็เป็นการโกหกคำโตอย่างหน้าด้านๆอีกครั้งหนึ่ง
เพราะเส้นทางดังกล่าวแท้จริงแล้วมิใช่ถนน
เป็นเพียงการเอารถไถใหญ่มาดันหญ้าที่ผิวดินออกเพื่อให้แลดูเป็นแนวเหมือนถนน
ตรงไหนดินต่ำเกินไปนักเขาก็เอารถแบคโฮล์ของพวกพ้อง(แก๊ง)เขามาโกยดินแถวๆนั้นแหล่ะมาโปะสักหน่อยก็พอ
ไม่ได้ซื้อดินมาถมสักคัน และไม่ได้เอาลูกรังมาถมสักรถ ที่พวกเขาทำไปนั้นใช้เงินไม่เกิน
1-2 หมื่นบาท ใช้เป็นถนนให้รถวิ่งจริงๆไม่ได้
(แล้วเงินหลายแสนบาทที่อ้างว่าต้องใช้ทำถนนไปนั้น แท้จริงแล้วหายไปไหน)
ปัจจุบันชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนในเรื่องนี้อย่างหนัก
เตรียมรวมตัวกันประท้วงธรรมสถานและผู้ใหญ่บ้านแล้ว
ไหว้ครูรุ่น 19 (รุ่นมหาปัญญาทราม)
เมื่อปีพ.ศ.2554 มูลนิธิจัดไหว้ครูเรียนรุ่น1และรุ่น2 ไปแล้ว พอมาปี2555นี้กำลังจะจัดไหว้ครูขึ้นอีกครั้งซึ่งพวกเขานับเป็นการไหว้ครูเรียนรุ่นที่
19 เรียกว่ารุ่นมหาปัญญาบารมี ดูได้ที่ http://www.komcome.com/Home.php (เอ...แล้วรุ่นที่3-18หายไปไหน) เหล่าศิษย์สุวรรณโคมคำลองตรองดูเอาเถิด
พวกคนที่(แอบ)อ้างตนว่าบูรพาจารย์ส่งให้มากำจัดคนชั่วแต่พฤติกรรมของพวกเขาเหล่านั้น
ปลิ้นปล้อนตลบตะแลงโกหกชาวโลกอย่างหน้าไม่อาย(อีกแล้ว) เพียงเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเองและพวกพ้อง
พวกเขาก็คิดว่าจะโกหกหลอกลวงใครๆโดยวิธีใดๆก็ได้อย่างนั้นหรือ
หลอกให้ใครมาเป็นเครื่องมือและหลอกเอาประโยชน์จากใคร(ที่หลงเชื่อ)โดยใช้ยี่ห้อสุวรรณโคมคำ(ที่แอบปล้นเอามา)มาหลอกลวงเหยื่ออย่างไรก็ได้
หรือแม้แต่อ้าง(เอาเอง)ว่าบูรพาจารย์เบื้องบนสั่งให้มาทำอย่างนี้
ก็ยังได้อย่างนั้นเหรอ
พวกมูลนิธิเขาพาไหว้ครูกันเดือนพฤษภาคมนี้แหล่ะ
ถ้าใครอยากร่วมแก๊งโกหกอยากเรียนรุ่นมหาปัญญาทราม รุ่นเสื่อมศีลธรรม
ก็รีบติดต่อสมัครเรียนได้ที่มูลนิธิ
หรือว่าใครอยากไปดูหน้าค่าตาพวกแก๊งโกหกที่ใกล้จะติดคุกกันถ้วนหน้า
ก็แวะไปดูที่นั่นได้เช่นกันจร้า
“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
...ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น