วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กตัญญูต่อบูรพาจารย์


ความกตัญญู คือ ความรู้คุณ หมายถึงความเป็นผู้มีใจกระจ่าง มีสติ มีปัญญาบริบูรณ์ รู้อุปการคุณที่ผู้อื่นกระทำแล้วแก่ตน ผู้ใดก็ตามที่ทำคุณแก่ตนแล้ว ไม่ว่าจะมากก็ตาม น้อยก็ตาม เช่น เลี้ยงดูสั่งสอน ให้ที่พัก ให้งานทำ ฯลฯ ดังนั้นมนุษย์เราควรจะมีความกตัญญูเพราะกตัญญูเป็นสัญญลักษณ์ของคนดี 
   ศิษย์สุวรรณโคมคำส่วนใหญ่ก็เป็นที่รู้กันว่า ทุกๆ ปี ศิษย์สุวรรณโคมคำนั้นจะต้องมีการสักการะ บูรพาจารย์มี "สมเด็จศรีศรีทธาจุมณีฯ" เป็นต้น ดังนั้นการที่เหล่าศิษย์สุวรรณโคมคำนั้นควรจะสักการะผู้เป็นบรมครูทั้งหลายก็ไม่อยากจะกล่าวถึงคนบางกลุ่มหรอกครับ แต่ก็อดไม่ได้จริงๆก็มีกลุ่ม มสค.เป็นคณะยึดอำนาจตั้งตนเป็นประธานแทนพระอาจารย์ในต้นปี 2554 กระผมมันเป็นคนค้อนข้างขี้สงสัย ว่า คณะกรรมการชุดปัจจุบัน ของ มสค. เนี่ย ที่กริยา กระเหี้ยนกระหือรือ นี้ ก็ได้ไปแล้วทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นคณะครูบาอาจารย์ คณะกรรมการที่พระอาจารย์ได้สั่งสอน ให้เหล่าศิษย์สุวรรณโคมคำทุกคนเป็นคนดีและมีความกตัญญูเป็นที่ตั้งแล้วเหตุใดการกระทำของ เหล่า ทีมงาน มสค.แสดงพฤติกรรมที่ตรงกันข้าม กระทำได้แม้กระทั้งคนที่อบรมสั่งสอนก็ถือได้ว่าเป็นครูบาอาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่แต่กระนั้นพระอาจารย์ก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเคียงเหล่าศิษย์ ก็มีเพียงแต่ อภัย ๆๆ แล้วก็อภัย จึงแอบสาธุการในใจว่า พระอาจารย์เนี่ย ช่างประเสริฐ ไม่โกรธเคียงผู้ใดแม่สักครั้งเดียวแต่การกระทำที่เหิมเกริม หรือ แสดงพฤติกรรม เล่นกับแมว(ดีกว่าสุภาพดี) แมวเลียปาก จำเป็นจะต้องให้ศิษย์สุวรรณโคมคำหรือ มสค. รู้คุณกำลังทำกรรมอันหนักหน่วงแล้ว ดังนั้นพระอาจารย์ก็จำเป็นจะต้องลงโทษเฆี่ยนด้วยไม้ไม้ให้สติอันงอกงาม ของเหล่าศิษย์กลับคืนมา เพราะการกระทำที่ไม่บังควรของศิษย์ สุวรรณโคมคำ มันต้องขนาบด้วยไม้เรียวจริงๆเพราะ 
สิ่งที่ควรกตัญญู  ๑.กตัญญูต่อบุคคล คือ ใครก็ตามที่เคยมีพระคุณต่อเรา ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงไร จะต้องกตัญญูรู้คุณท่าน ติดตามระลึกถึงเสมอด้วยความซาบซึ้งพยายามหาโอกาสตอบแทนคุณท่านให้ได้ โดยเฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสงฆ์ บิดามารดา ครู อุปัชฌาย์อาจารย์ จะต้องตามระลึกนึกถึงพระคุณของท่านให้จงหนัก  ให้ปฏิบัติตัวให้เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นศิษย์ที่ดีของครูอาจารย์ เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ และเป็นพุทธมามกะสมชื่อ ประการที่ ๒.กตัญญูต่อสัตว์ คือ สัตว์ที่มีคุณต่อเรา เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย ที่ใช้งาน จะต้องใช้ด้วยความกรุณาปรานี ไม่ไช่เอาไว้ลากซุงเถื่อน มันก็เป็นพฤติกรรมที่ส่อให้เห็นถึงจิตที่มีปิศาจสิงสู่ในดวงใจผู้นั้น ประการที่ ๓.กตัญญูต่อสิ่งของ คือ ของสิ่งใดก็ตามที่มีคุณต่อเรา เช่นหนังสือ ธรรมะ หนังสือเรียน สถานศึกษา วัด ต้นไม้ ป่าไม้ เพราะเหล่า มสค. นั้นมีพฤติกรรมที่ อกตัญญู ไม่ลดราวาศอกกันเลย เล่นเผามูลดินบูรพาจารย์แบบไม่กลบเกลื่อนหลักฐานที่ชนิดว่าน่าเกลียดจริงๆ เพราะการกระทำดังกล่าวมันส่อให้เห็นว่า มสค. ไม่ได้รักและหวงแหนสิ่งของที่อยู่ภายในธรรมสถานสุวรรณาภาเลยปล่อยให้รกร้าง หญ้าคลุมเต็มไปหมด ตัดเฉพาะที่จะต้องถ่ายรูปไปอวดชาวบ้าน หลอกศรัทธาบรรดาญาติโยม ว่าเอี่ยมเรียบร้อยดี ให้รู้ไว้เลยว่า มีสุนัขไปคาบหญ้านวลน้อยหลังกุฏิแล้วมากลบเกลื่อน มูลดินบูรพาจารย์มันน่าเกลียดใหมน๊ะ  ชี้ชัดเจนว่า ไม่เคยลงทุนเลยแล้วดูสิ 
                                                                     มีกล่าวไว้ในเตมียชาดกว่า 

 “อย่าว่าถึงคนที่เราได้พึ่งพาอาศัยกันเลย แม้แต่ต้นไม้ที่ได้อาศัยร่มเงา ก็หาควรจะหักกิ่งลิดก้านรานใบของมันไม่ ผู้ใดพำนักอาศัยนั่งนอนใต้ร่มเงาของต้นไม้ใดแล้ว ยังขืนหักกิ่งลิดก้านรานใบ เด็ดยอดขุดรากถากเปลือก ผู้นั้นชื่อว่าทำร้ายมิตร เป็นคนชั่วช้าเลวทราม จะมีแต่อัปมงคลเป็นเบื้องหน้า" 

 
๔.กตัญญูต่อบุญ คือ รู้ว่าคนเราเกิดมามีอายุยืนยาว ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณดี สติปัญญาเฉลียวฉลาด มีความสุขความเจริญ มีความก้าวหน้า มีทรัพย์สมบัติมาก แต่ มสค. จะมีพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามเสมอ เพราะปัจจุบันให้ไปดูสีหน้า ผิวพรรณ สติปัญญา ความก้าวหน้า มีทรัพย์ ด้วยการกระทำของเหล่าศิษย์ที่มีความละโมบ เป็นที่ตั้งก็ย่อมได้รับผลกรมดังกล่าว ไม่เชื่อ ก็ไปดูที่ มสค.เอานะ เพราะการกระทำที่ส่อไปในทางลบบุญกุศลจึงไม่บังเกิดมีแต่อกุศลครอบคลุม องค์กรณ์ มสค.ที่นับวันจะโดนบูรพาจารย์ลงโทษแรงขึ้นๆ ก็ลองสังเกตุดูกันเอาเอง ก็แล้วกัน เพราะคนที่นำ องค์กรณ์ชอบหรอกชาวบ้านสื่อบูรพาจารย์ได้โน้นนี้ เหตุใฉน บูรพาจารย์ไม่เข้าข้างเลยล่ะ แทงก์น้ำก็หายไปจากสุวรรณาภา และเรื่องเผามูลดิน มันก็รุนแรงเกินที่ ชาวสุวรรณโคมคำจะรับได้แล้ว

สรุป
ความกตัญญูเป็นเคื่องหมายของคนดี การที่คนเรานั้นปราศจากความดีมันก็ไม่เหลือดีเพราะความดีมันไม่มีในหัวใจของคนที่ มีหัวใจที่มีปิศาจ สิงสู่ในดวงใจ การกตัญญูต่อบูรพาจารย์ก็เช่นเดียวกันเป็นการกระทำที่เหล่าศิษย์สุวรรณโคมคำควรคำนึงและเป็นเรื่องที่เหล่าศิษย์สุวรรณโคมคำ ควรจะกระทำอย่างยิ่งยวด แต่ที่สงสัยเป็นอย่างแรงก็อยากจะถามจังเลยว่า สื่อบูรพาจารย์โน้นๆนี่ๆ ได้ทำไม่จึงไม่กระการสักการะ บูรพาจารย์ ซึ่งเป็นที่เคารพยิ่งของชาวสุวรรณโคมคำล่ะครับเพราะ เหล่า มสค. ได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว แล้วทำไมไม่สักการะ บูรพาจารย์ประจำปี 2554 ล่ะ เพราะเหตุไรเหรอจึงไม่กระทำ จะบอกว่าฉันจะไหว้ 13- 15 มกราคม 2555 มันข้ามไปปีหนึ่ง เหตุนี้จำต้องสงสัยจริงๆ ว่าพวกคุณกำลังเล่นตลกอะไร กับบูรพาจารย์ แล้วไหว้ครู ปี 2554ทำไมไม่จัด หรือยังได้เงินไม่ได้ตามเป้า ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นลักษณะใด คุณก็คือผู้ที่ "กตัญญู ต่อบูรพาจารย์" อยู่ดี
� r ' �_� � tyle='mso-spacerun:yes'> นี่เป็นคำสารภาพจากกรรมการมูลนิธิบางคนที่ทนเห็นพฤติกรรมชั่วร้ายของอาจารย์ ป. ไม่ได้อีกต่อไป จึงออกมาเปิดเผยข้อมูล
คอยดูผลงานกันว่า เงินทำบุญเหล่านั้นจะได้ ตกถึงธรรมสถานสุวรรณาภา บ้างใหม ?
หรือจะเอาไปแบ่งปันบำรุงบำเรอกัน ในกรุงเทพหมดอีก เพราะเงินของท่านคือความสุขกรรมการมูลนิธิ ถ้าเรื่องนี้เป็นจริงคอยดูเถิดพวกมูลนิธิเขาจะต้องชักชวนทำบุญโน้น นี่ (มีมุข)มาชวนทำบุญ กับอีกหลายๆแห่ง  ในหลายๆ เรื่องเพื่อหาเงินมาแบ่งสนองกิเลส โดยไม่จำเป็นต้องมีผลงานให้เห็นเพราะอ้างว่าเอาเงินไปทำบุญที่อืนแล้ว แล้วที่เคยกล่าวซะสวยหรูไว้ว่า “พวกเขาเข้ามาเพื่อขจัดคน(พระ)ชั่ว รวมทั้งปกป้องผลประโยชน์ของส่วนรวมและปกป้องส่งเสริมมูลนิธิกับธรรมสถานให้รุ่งเรืองสืบไป” แท้จริงก็เป็นเพียงข้ออ้างนะสิ ! ที่จริงแล้วเข้ามาเพื่อฮุบส่วนรวมไปสนองอำนาจและผลประโยชน์ของตนและพวกพ้องไช่ใหม
         






ตอนนี้คดีความต่างๆดำเนินไปถึงใหนแล้ว ?
เดิมทีพระอาจารย์(ฟ้องร้องไว้) เบื้องต้น 5 คดีเพื่อให้ศาลไต่สวนและตัดสิน หากกระบวนการดำเนินไปได้ด้วยดีและจบลงอย่างกระจ่าง ชัด ก็จะเป็น เป็นการทำเรื่องต่างๆให้ชัดเจน และนำความสุขสันติมาสู่สุวรรณโคมคำอีกครั้งหนึ่งได้ในที่สุด แต่ต่อมากลับปรากฏว่า พวกแก๊งคนพาลนั้นได้ส่งคน ไปติดตาม กลั่นแกล้ง ปั่นป่วน ทำลาย ขัดขวางพระอาจารย์ในที่ต่างๆเช่นสถานที่ ที่ท่านไปปฏิบัติกรรมฐานฯลฯ โดยอ้างชื่อพระเถระใน กทม.ฯลฯ ไปขัดขวางข่มขู่พระสงฆ์ในท้องถิ่นนั้นๆเพื่อพยามให้ ยุติกระบวนการในศาลเสียเมื่อเป็นดังนั้นก็จำเป็นจะต้องฟ้องร้องคดีเพิ่มขึ้นอีกเพื่อใต่สวนหาความจริงให้ครบถ้วนให้จงได้  โดยไม่ย่อท้อต่ออำนาจอิทธพลและภัยพาลใดๆ จึงได้ฟ้องร้องเพิ่มขึ้นอีก 3 คดี รวมเป็น 8 คดีโดยแบ่ง โดยแบ่งจำเลยออกเป็น  4 กลุ่มดังนี้ คือ
1. ผู้ไปกล่าวร้ายพระอาจารย์ที่ วัดยานฯ จำนวน 2 คน
2 . กรรมการมูลนิธิ จำนวน  6 รูป/คน
3 . พระสงฆ์วัดยานฯที่ร่วมกันใส่ร้ายพระอาจารย์ จำนวน 2 รูป
4 . มูลนิธิ ถูกช่างที่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วแต่ยังไม่ได้รับเงิน ฟ้องร้อง

หมายเหตุ: โดยคดีแรกๆยังไม่ได้เริ่มการไต่สวน(ถูกเลื่อนออกไปก่อน)เพราะจำเลยอ้างว่าเขาหาทนายไม่ได้ฯลฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น