วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

แถลงการณ์ฉบับที่ 1


แถลงการณ์คณะศิษย์สุวรรณโคมคำ ฉบับที่ 1
               
ตามที่พระอาจารย์ถูกกล่าวร้ายมากมายเกินกว่าความจริงเสมือนมิใช่มนุษย์ประดุจว่าหลุดมาจากนรก อีกทั้งยังมีมติที่ประชุมของกรรมการมูลนิธิสุวรรณโคมคำเพื่อปลดพระอาจารย์จากตำแหน่งประธานมูลนิธิ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน  2553 ในบันทึกการประชุม มีข้อความบางส่วนว่า ได้ทราบข่าวและจากการพูดคุยกับพระปลัดวีรภัทร์ ปริมุตโต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสสวัดยานนาวา เลขานุการเจ้าคณะแขวงยานนาวา เขต 1 คณะกุฏิ 9 วัดยานนาวา เกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระอาจารย์ ประธานมูลนิธิสุวรรณโคมคำมีความเกี่ยวพันกับสีกาจำนวนหลายคนอย่างร้ายแรงทั้งทางกาย วาจา ใจ...  เมื่อทางวัดยานนาวาได้แต่งตั้งกรรมการสงฆ์เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงแล้ว มีมติให้พระอาจารย์ ลาสิกขาด้วยเหตุ ปฐมปาราชิกในหนังสือสุทธิ….” แท้จริงแล้วเรื่องมีอยู่ว่า มีผู้ส่งบัตรสนเท่ห์ กล่าวร้ายพระอาจารย์ไปที่วัดยานนาวา แล้วพระอาจารย์ท่านต้องต่อสู้ข้อกล่าวหานั้นอย่างถึงที่สุด เพราะท่านยืนยันมั่นคงว่าท่านไม่ได้ทำสิ่งอกุศลตามที่กล่าวหานั้น แต่มีพระบางรูปกล่าวเป็นนัยทำนองว่า ถ้าพระอาจารย์ไม่ยอมลาสิกขาออกไปจากวัดยานาวาดีๆ ก็จะร้องเรียนให้มหาเถรสมาคมยุบองค์กรสุวรรณโคมคำเสีย (วัดยานนาวาเป็นวัดใหญ่ มีอำนาจอยู่ในมหาเถรสมาคม) พระอาจารย์ตรึกตรองถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นแก่องค์กรแล้ว จึงได้ตัดสินใจยอมเสียสละทุกอย่างรวมทั้งเสียสละตนแบกรับทุกข์ภัยทั้งปวง (ด้วยการลาสิกขาแล้วบวชใหม่เป็นพระภิกษุสังกัดมหานิกาย เป็นพระธรรมดา โดยเริ่มนับพรรษา 1 ใหม่) เพื่อปกป้องภัยอันจะมีแก่องค์กรสุวรรณโคมคำ แม้กระนั้นก็ยังถูกตามทำร้าย ขัดขวาง ใส่ความ อย่างไม่หยุดหย่อน มีผลเสียกระทบถึงส่วนรวมของสุวรรณโคมคำ ท่านจึงได้ลาสิกขาไปบวชใหม่เป็พระภิกษุสังกัดธรรมยุติกนิกายเพื่อจะได้เผยแพร่สุวรรณโคมคำได้อย่างปลอดโปร่งไม่มีอุปสรรค และได้ไปปฏิบัติกรรมฐานที่จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเวลาประมาณ 5 เดือนเต็ม เพื่ออุทิศบุญและแผ่เมตตาให้แก่ผู้ที่ทำร้ายท่านและทำร้ายสุวรรณโคมคำ แต่กระนั้นเรื่องต่างๆ ก็ไม่ได้ยุติ คนที่ทำร้ายก็ไม่ได้หยุดการกระทำ อีกทั้งมีบุคคลบางกลุ่มไปฟ้องเป็นคดีต่อศาลแขวงพระนครใต้ว่าพระอาจารย์ยักยอกทรัพย์ของมูลนิธิสุวรรณโคมคำ ท่านจึงจำเป็นต้องออกมาต่อสู้ทางกฎหมายอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ทั้งนี้ได้ขอออกหมายศาลเรียกพยานหลักฐานต่างๆ ตามที่มีผู้กล่าวอ้างถึงจากพระภิกษุวัดยานนาวาที่ถูกระบุ (เพราะพระอาจารย์ได้ยินแต่ข่าวปล่อยออกมามากมายในทางร้ายแรง แต่ท่านมิได้ประพฤติเช่นนั้น ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ปล่อยข่าวและมีจุดประสงค์แท้จริงอย่างไร) สุดท้ายพระภิกษุวัดยานนาวาได้มีจดหมายตอบศาลและแนบเอกสารมาดังนี้
1.       จดหมายปฏิเสธการรับรู้และการเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวจากพระสุธีธรรมนาท เจ้าคณะเขตฯ
2.    สลักหลังหนังสือสุทธิของพระอาจารย์ส่งมาโดยพระปลัดวีระพัฒน์ เลขานุการเจ้าคณะเขตฯ (ตามเอกสารที่แนบมาข้างท้าย)
จากเอกสารดังกล่าว ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า มิได้มีการสอบสวน / มีมติคณะสงฆ์วัดยานนาวาว่าพระอาจารย์ต้องอาบัติปฐมปาราชิกและถูกจับสึกด้วยอาบัติปฐมปาราชิก โดยมีการสลักหลังหนังสือสุทธิของท่านว่าต้องอาบัติปฐมปาราชิกเป็นหลักฐานรองรับ ตามข่าวที่ลือกันออกมาอย่างกว้างขวางแต่อย่างใด ซึ่งทำให้พระอาจารย์ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังรังเกียจจากสังคมเป็นอย่างมาก
เมื่อความจริงในเรื่องดังกล่าวปรากฏออกมาเป็นที่แน่นอนดังนี้แล้ว ชาวสุวรรณโคมคำและสาธุชนทั้งหลายคงได้รับความกระจ่างขึ้นเป็นอันมากว่าเรื่องทั้งหลายเป็นเพียงข่าวลือและการแต่งเติมอย่างร้ายกาจมหาศาลของบุคคลบางคนหรือบางกลุ่มที่ประสงค์ร้ายต่อพระอาจารย์และสุวรรณโคมคำที่เพียงเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของตนก็สามารถกล่าวเท็จและสร้างเรื่องร้ายกาจได้ โดยไม่จำกัดวิธีการและไม่คำนึงถึงผลเสียใดๆ ต่อสุวรรณโคมคำและส่วนรวม
พวกเราลองถามใจตัวเองสิว่า พวกเรากำลังทำร้ายปฐมาจารย์ (อาจารย์สุวรรณโคมคำคนแรก) ของพวกเราอยู่หรือเปล่า ? และพวกเรากำลังทำลายทุกสิ่งที่ท่านยอมเสียสละอนาคตและแม้กระทั่งชีวิต สร้างสรรค์และปกป้องฟื้นฟูสุวรรณโคมคำไว้ให้พวกเราตลอดมากันหรือเปล่า ?
คณะศิษย์สุวรรณโคมคำจึงขอเรียกร้องให้ชาวสุวรรณโคมคำและผู้รับข่าวสารทั้งหลายให้มีสติยั้งคิดและใช้ปัญญาอย่างรอบคอบอย่าได้หลงตกเป็นเหยื่อข่าวลือและตกเป็นเครื่องมือของคนพาลอย่างไม่รู้ตัวกันอีกต่อไปเลย
ถ้าศิษย์สุวรรณโคมคำได้รับข้อมูลเช่นนี้แล้ว ขอให้ใช้วิจารญญาณและสติปัญญาอยู่ในพื้นฐานของความเป็นจริง  เมื่อนั้นสุวรรณโคมคำก็จะกลับมาเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูได้ดังปณิธานที่ตั้งไว้ ยังไม่สายที่จะยอมรับความจริง และกล่าวเรื่องที่ถูกต้องตามเอกสารหลักฐานที่ได้รับให้แก่ผู้คนที่ยังไม่ได้รับความจริงให้ได้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องต่อๆไปในวงกว้างด้วยเถอะ



คณะศิษย์สุวรรณโคมคำ
     10 กรกฎาคม 2554


























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น