วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กรณีเรื่องพี่พร


* กรณีเรื่องพี่พร  *



         ถ้าถามถึงพี่พร ซึ่งเป็นศิษย์สุวรรณโคมคำคนหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าเคยได้ยินข่าวคราวของพี่พรมามากมาย โดยเฉพาะข้อมูลที่ทำให้พระอาจารย์เสียหาย ข้าพเจ้าจะได้ยินมาเยอะมาก บางครั้งได้ยินมาจากเพื่อนร่วมรุ่นบ้าง บางครั้งได้ยินมาจากรุ่นพี่บ้าง ทำให้ช่วงนั้นอยากรู้ว่าพี่พรคือคนไหน และก็ได้เห็นได้รู้จักมากขึ้น ซึ่งพี่พรเป็นลูกศิษย์เก่าของสุวรรณโคมคำมาตั้งแต่ประมาณ รุ่น6-7 ซึ่งทุกครั้งข้าพเจ้าจะเห็นพี่พรมาเรียนบ่อย โดยเฉพาะอานุภาพกสิณจะมาเรียนซ้ำหลายๆ ครั้ง ข้าพเจ้า 


        จะสงสัยตลอดว่า ทำไมพี่พรถึงชอบเรียนอานุภาพกสิณนัก ไม่ลงเรียนวิชาอื่นๆ บ้าง ถ้าเทียบกับอานุภาพกสิณแล้ว พี่พรจะลงทุกครั้งที่มีการเปิดเรียน ซึ่งในขณะนั้นจะมี อาจารย์ ป.ปลาเป็นผู้สอน ข้าพเจ้าได้เคยเข้าไปเรียนอานุภาพกสิณแค่คอร์สเดียว ข้าพเจ้าจะเห็นพี่พรมานั่งเรียนด้านหน้าเสมอ บางครั้งก็มาสายบ้างแต่ก็จะมาไม่ยอมขาด และดูแล้วจะค่อนข้างสนิทกับอาจารย์ ป.ปลาเป็นพิเศษ จะมีของติดไม้ติดมือมาฝากตลอด ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันจันทน์ หรือน้ำดื่มที่ นำมาให้ไม่เคยขาดเลย ข้าพเจ้าจึงจำหน้าพี่พรได้ดี เพราะเธอเป็นคนที่ผิวพรรณดี และจะชอบใส่ชุดขาวยาวแบบชุดแขก 


      จนกระทั่งมีครั้งหนึ่งข้าพเจ้าได้ยินข่าวหนาหูว่า พระอาจารย์ไม่อนุญาตให้พี่พรสมัครเรียนอานุภาพกสิณอีก ขณะนั้นข้าพเจ้าเกิดความลังเลสงสัยมากว่าทำไมจะเรียนซ้ำต่ออีกไม่ได้ แม้ว่ารอบนั้นจะเป็นรอบที่ 5 หรือรอบที่ 6 ก็ตามแต่ ข้าพเจ้าหาคำตอบไม่ได้ก็จึงนิ่งเฉยอยู่ จนใกล้เทศกาลบางเทศกาลช่วงหนึ่ง ได้เดินทางไปต่างจังหวัดกับลูกศิษย์   
     พระอาจารย์ท่านหนึ่ง ก็เลยทำให้ข้าพเจ้าทราบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับพี่พรซึ่งทำให้ความสงสัยของข้าพเจ้าคลายไปได้มาก ลูกศิษย์คนนั้นเล่าให้ข้าพเจ้าฟังหลายเรื่องซึ่งข้าพเจ้าไม่ได้ถามแต่เขายินดีจะเล่าให้ฟัง แล้วก็ถามถึงเรื่องของพี่พรขึ้นมาว่า ข้าพเจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมพี่พรถึงไม่ได้เรียนอานุภาพกสิณอีก ข้าพเจ้าก็ตอบว่าไม่ทราบ ลูกศิษย์คนนั้นก็เลยเล่าว่า พี่พรชอบโทรไปกวน อาจารย์ ป.ปลาบ่อยมากๆ จนอาจารย์ ป.ปลาบางครั้งท่านรู้สึกอึดอัด บางทีพี่พรก็โทรไปหา อาจารย์ ป.ปลาดึกๆ ดื่นๆ แบบไม่เกรงใจอาจารย์ท่านเลย มักโทรไปปรึกษาเรื่องซ้ำๆ เดิมๆ อาจารย์ ป.ปลาก็ได้ตอบไปจนหมดแล้ว ก็ยังไม่ยอมเลิกรา จนกระทั่งอาจารย์ป.ปลาทนไม่ไหวจึงได้ไปแจ้งกับพระอาจารย์ว่า พี่พรสร้างปัญหาให้อาจารย์ ป.ปลา เยอะมาก ถามไม่รู้จักพอ และโทรมารบกวนบ่อยมากๆ พระอาจารย์ท่านก็แนะนำให้ อาจารย์ ป.ปลา บอกกล่าวแก่พี่พรสิว่า อาจารย์ ป.ปลาสะดวกในขอบเขตอย่างไร อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ บอกเขาเถิด สอนเขาเถิด พี่พรรักเคารพและศรัทธา อาจารย์ ป.ปลา มากไม่ใช่หรือ เขาต้องฟังคำ อาจารย์ ป.ปลาเป็นแน่ บอกกล่าวและให้โอกาสเขาพัฒนาตนเถิด 


    บ่อยๆครั้งเข้า อาจารย์ ป.ปลาท่านก็มาบ่นกับพระอาจารย์ท่านมากขึ้นเรื่อยๆ โดยบอกว่าพี่พรตามมาเกาะติดแม้ที่มูลนิธิฯ มานั่งเบียดนั่งชิดแม้แต่ขณะพยากรณ์หรือกำหนดสมาธิรักษาโรคให้ผู้คนที่มารับการสงเคราะห์ จน อาจารย์ ป.ปลาทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ไหวแล้ว! แต่ตัว อาจารย์ ป.ปลาไม่กล้าจะพูดกับเขาตรงๆหรอก ขอรบกวนพระอาจารย์ช่วยจัดการพี่พรอย่างชนิดเบ็ดเสร็จเด็ดขาดให้ด้วย พระอาจารย์ท่านจึงจำเป็นต้องตัดสินใจออกโรงด้วยตนเองตามคำขอ สุดท้ายพระอาจารย์ท่านได้ดำริกับอาจารย์ ป.ปลาไปว่า งั้นก็จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ โดยท่านจะให้ อาจารย์ ป.ปลาโทรไปหาพี่พรตอนที่อาจารย์ ป.ปลาคุยงานอยู่ในห้องกับพระอาจารย์นี่แล แล้วพระอาจารย์จะเป็นคนพูดบอกกับพี่พรเองว่าไม่อนุญาตให้มาเรียนแล้ว 


       ข้าพเจ้าพอได้ทราบแบบนี้ ก็เลยอยากรู้จากปากของพระอาจารย์ท่านเอง ข้าพเจ้าจึงได้สอบถามท่านโดยตรงอีกครั้งหนึ่งว่า ความเป็นจริงใช่อย่างที่ข้าพเจ้าทราบมาหรือไม่ สุดท้ายท่านก็บอกกับข้าพเจ้าว่าสิ่งที่ทราบเป็นความจริง จึงทำให้ท่านต้องออกโรงเองในเรื่องการตัดสินพี่พรอย่างเด็ดขาด 


       ช่วงนั้นข้าพเจ้าก็จะได้ยินเรื่องราวจากปากคนอื่นรอบๆข้างในมูลนิธิฯว่า พระอาจารย์ไม่มีเหตุผล อยู่ดีๆ ก็ไม่ให้พี่พรเรียน เป็นเพราะว่าพี่พรต้องรู้เรื่องไม่ดีเกี่ยวกับพระอาจารย์ ท่านจึงอยากจะขจัดพี่พรไปให้พ้นๆ ตอนนั้นเองที่ข้าพเจ้าก็เพิ่งทราบว่า พี่พรได้เคยไปพบพระอาจารย์ใหญ่บ่อยครั้ง และเป็นคนนำซีดีที่พระอาจารย์ใหญ่ท่านพูดถึงพระอาจารย์มาให้คนโน้นคนนี้ฟัง ถึงขนาดบางครั้งให้พี่ที่ประจำชมรมฯไรท์(write)ให้เลยก็มี และเที่ยวไปพูดกับคนอื่นว่าพระอาจารย์ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ขนาดพระอาจารย์ใหญ่ยังไม่เอาเลย ข้าพเจ้าสังเกตเห็นแต่คนเริ่มมองพระอาจารย์ไม่ดีมากขึ้น ข้าพเจ้าจึงได้มีโอกาสกลับไปถามลูกศิษย์ที่เล่าให้ข้าพเจ้าฟังอีกครั้งว่า ตกลงจริงๆ แล้วเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะใคร ลูกศิษย์คนนั้นกลับบอกข้าพเจ้าว่าให้ไปถาม อาจารย์ ป.ปลา ดูสิ อาจารย์ ป.ปลาจะรู้ดีมากๆ เพราะท่านเป็นคนทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น และอาจารย์ ป.ปลายังเป็นคนบอกพระอาจารย์เองว่าพี่พรเป็นคนไม่ดีมากๆ ซึ่งตัวพระอาจารย์ท่านเองก็ไม่ได้รู้จักคุ้นเคยกับพี่พรหรอก 


         นอกจากนี้พี่พรยังชอบเอาเรื่องที่ไม่ได้เรียนไปพูดที่ข้างนอก ทำให้คนอื่นๆ ที่ไม่เคยได้รับข้อมูลข่าวสารก็ได้แต่ข้อมูลที่ผิดๆ และยังมีการมาบอกกล่าวแก่คนอื่นว่า ให้ระวังตัวไว้นะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะเป็นเหมือนกับตนเอง แม้แต่นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ พี่พรก็ไปใส่ความเรื่องต่างๆ ของพระอาจารย์ให้เสียหายในทุกด้าน พระอาจารย์เองก็เคยบอกกล่าวไปถึงพี่พรหลายครั้งให้เลิกพฤติกรรมเช่นนี้ แต่สุดท้ายแล้วพี่พรก็ไม่ยอมเปลี่ยน จนแม้แต่ตอนนั้น พี่ๆที่ข้าพเจ้าสนิทด้วยยังต้องมาถามข้าพเจ้าว่ารู้เรื่องพี่พรมั้ย แต่พอข้าพเจ้าเล่าให้ฟังในสิ่งที่รู้มา พี่ๆบอกว่าไม่เห็นเหมือนกับสิ่งที่พวกเขาได้ยินมาเลย พวกเขาได้ยินมาว่าพี่พรถูกพระอาจารย์กลั่นแกล้งต่างๆนานา เพื่อปกปิดความผิดของท่านเอง และไม่ยอมให้เรียนด้วย พี่พรถึงขนาดยังเคยพูดว่า จะไม่ยอมให้พระอาจารย์ทำกับพี่พรแบบนี้ ต้องหาทางเอาคืนให้ได้ 


         พระอาจารย์แม้รู้ถึงการกระทำของพี่พรอันหนักหน่วงอยู่เช่นนี้ ก็ไม่ได้ปริปากบอกความจริงให้ใครในวงนอกทราบ ท่านแบกรับการสาดโคลนนั้นไว้เองเพื่อปกป้อง อาจารย์ ป.ปลามิให้แปดเปื้อนหรือได้รับการกระทบกระเทือน จะได้มีโอกาสเติบโตเป็นครูบาอาจารย์ที่มีคุณค่าของสุวรรณโคมคำสืบไป(พระอาจารย์ท่านปกป้องบุคคลากรของสุวรรณโคมคำไว้ด้วยวิธีการแบกรับแทนเช่นนี้เป็นอันมาก)


         ข้าพเจ้าจึงสงสัยว่าแล้วทำไมทุกคนจึงต้องกล่าวหาพระอาจารย์ว่า พระอาจารย์เป็นคนที่ไม่ยอมให้พี่พรเรียนเพื่อเพราะต้องการขจัดให้พ้นทาง ไม่เพียงแต่พี่พรคนเดียว ข้าพเจ้าก็ยังได้ยินเรื่องของลูกศิษย์คนอื่นๆอีกมากมายว่า พระอาจารย์ต้องการขจัดคนนั้นคนนี้มากมาย จนสุดท้ายข้าพเจ้าจึงรู้ว่า จริงๆแล้ว เรื่อง หลายอย่างไม่ได้เกิดเหตุที่พระอาจารย์ แต่เกิดที่บุคคลอื่น แต่โยนความผิดเหล่านั้นให้พระอาจารย์เพียงเพราะว่าบุคลิกของพระอาจารย์ท่านเป็นคนตรงๆ ไม่ยอมลงให้ใครถ้าไม่ถูกต้อง และท่านก็ไม่ยอมบอกใครให้คนต้นเรื่องนั้นๆเสียหายด้วย เพราะท่านถือว่าท่านต้องรับผิดชอบในการแบกรับภาระในฐานะที่ท่านเป็นพี่ใหญ่และเป็นครูของทุกๆคน ท่านไม่อยากให้น้องๆและเหล่าศิษย์ของท่านทุกคนต้องทุกข์ทรมานเกินไป เลยทำให้พระอาจารย์มักจะถูกมองเช่นนี้มาโดยตลอดหรือไม่ 


         แล้วถ้าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอาจารย์ ป.ปลาขนาดนี้ แต่อาจารย์ ป.ปลาไม่เคยยอมบอกความจริงให้ใครทราบเลย(แถมยังทำเป็นแสดงความเห็นอกเห็นใจ ปลอบประโลมพี่พรอีกด้วย) ก็เท่ากับว่าอาจารย์ ป.ปลาโยนบาปให้พระอาจารย์หรือเปล่า หรือเป็นแผนการที่ อาจารย์ ป.ปลาวางไว้ เพื่อที่จะค่อยๆทำให้คนเกลียดชังพระอาจารย์ทีละคนๆ เพื่อให้สุดท้ายพระอาจารย์ไม่มีใครชอบหรืออยู่ข้างเดียวกันกับพระอาจารย์อีกเลย เหมือนที่ปัจจุบันนี้พี่พรเกลียดพระอาจารย์มาก และยังคงไปปล่อยข่าวในที่ต่างๆ เกี่ยวกับพระอาจารย์ในทางเสียๆ หายๆ อยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่เชื่อลองใช้วิจารณญาณดูสิว่า ทุกวันนี้ใครรู้บ้างว่าคนที่ทำให้พี่พรไม่ได้เรียนอานุภาพกสิณจริงๆแล้วนั้น คือ อาจารย์ ป.ปลา และใครจะรู้บ้างว่า อาจารย์ ป.ปลาที่ทุกคนเคารพนับถืออยู่ ที่แท้อาจจะอยู่เบื้องหลังในอีกหลายๆ เหตุการณ์ที่ทุกๆคนยังไม่รู้ เหมือนอย่างกรณีพี่พรก็ได้


       แม้แต่เรื่องที่ไม่ยอมให้พี่อ้อยทหารขึ้นเป็นอาจารย์สอน ฯลฯ ก็เป็นฝีมือของ อาจารย์ป.ปลา ทั้งสิ้น ซึ่งพักหลังข้าพเจ้ามักได้ยิน อาจารย์ ป.ปลาพูดขึ้นมาลอยๆทำนองว่า "ถ้าพี่อยากใหญ่ พี่จะต้องได้ใหญ่" , "ถ้าพี่อยากดัง พี่จะต้องได้โด่งดัง", "พี่ไม่เคยแพ้ใคร ! " เป็นบางครั้ง ซึ่งตอนนั้นข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจว่าที่ อาจารย์ ป.ปลาพูดนั้นหมายถึงอะไร แต่หลังจากเกิดเรื่องราววุ่นวายขึ้นมากมายกับพระอาจารย์และสุวรรณโคมคำ จนท้ายที่สุด " อาจารย์ ป.ปลาก็ได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานแทน" (ด้วยอุบายสร้างภาพ ปล่อยข่าวเท็จ ฉ้อฉลกลโกง ทุจริต ผิดศีล ผิดธรรม และผิดกฎหมายมากมาย ฯลฯ) ข้าพเจ้าจึงได้เข้าใจความหมายของคำพูดเหล่านั้น


       อาจมีเรื่องให้พวกคุณช็อคกันอีกหลายช็อตก็ได้ เหมือนกันกับที่ข้าพเจ้าก็เป็นมาแล้วเช่นกัน ตอนที่ เพิ่งได้รู้ความจริงเมื่อไม่นานมานี้ ในสิ่งที่พระอาจารย์ถูก(วางแผน)โยนบาปมากมายนับครั้งไม่ถ้วน แต่จวบจนบัดนี้พระอาจารย์ท่านก็ยังคงมุ่งมั่นบำเพ็ญบารมีต่อไป ไม่ทิ้งแนวทางไม่ทิ้งอุดมการณ์เลยสักนิด 

 หมายเหตุ : อาจารย์ ป.ปลา มักมีของขลังและวัตถุมงคลแปลกๆติดไม้ติดมือมาให้แก่ข้าพเจ้าบ่อยครั้ง แล้วย้ำเสมอว่า "อันนี้ให้พกติดตัวไว้ตลอดนะ...อย่าให้ห่างกาย","อันนี้ให้บูชาไว้ที่บ้านประจำเลยนะ...อย่าเอาไปทิ้งไหนเด็ดขาด" (ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งและศรัทธาในน้ำใจของอาจารย์ป.ปลามาก)นับแต่นั้นมา ข้าพเจ้ามักมีอาการมึนงงและปวดหัวเป็นระยะๆ ซึ่งอาจารย์ป.ปลาได้เมตตาใช้สมาธิรักษาให้ข้าพเจ้าอยู่เนืองๆเมื่อได้เจอกัน แถมยังเมตตาให้คาถากำกับมาอีกด้วย โดยย้ำว่า "ให้หมั่นใช้หมั่นท่องนะ จะได้คุ้มครองรักษาตัวเองได้" แต่อาการเหล่านั้นก็เป็นๆหายๆ ไม่เด็ดขาดไป 


        ตอนหลังข้าพเจ้าชักเอะใจ จึงได้นำเอาของขลังเหล่านั้นไปให้อาจารย์ที่ชำนาญด้านสมาธิหลายๆท่านตรวจสอบดู อาจารย์เหล่านั้นต่างพูดตรงกันว่านี่เป็นของที่ปลุกเสกด้วยมนต์ดำ ใช้ครอบงำจิตใจและควบคุมคนที่ถือครองหรือบูชาของปลุกเสกเหล่านี้ให้อยู่ในอำนาจและทำตามคำสั่ง ให้รีบเอาไปทิ้งเสียให้หมด และให้เลิกใช้คาถาเหล่านั้นด้วยอย่างเด็ดขาด แล้วรีบไปอาบน้ำมนต์กับพระสงฆ์เสียด้วย เมื่อข้าพเจ้าทำตามคำแนะนำเหล่านั้นแล้วอาการปวดหัวมึนงงบ่อยๆที่เคยเป็น ก็หายไป



โดย...ศิษย์คนหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น